ประมวลภาพการเรียนรู้พระคัมภีร์ [Season1]


ภาพที่ 1  เป็นภาพที่วาดขึ้นในระหว่างมี่เรียน ยากอบ บทที่1 ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน ผมแค่นึกถึง ยอห์น บทที่ 15 ซึ่งพระเยซูเปรียบเทียบเราเหมือนแขนงของเถาองุ่น แขนงใดติดสนิดกับเถาก็เกิดผลมาก แขนงใดไม่เกิดผลก็จะถูกริดทิ้ง แต่ตอนที่ผมวาดรูปนี้ ผมกำลังนึกว่า แขนงทุกแขนงแตกต่างกัน




  
ภาพที่ 2 ทฤษฎีรังสี ภาพนี้วาดตอนที่กำลังเรียนกับพี่นัย ประเด็นหลักของทฤษฎีนี้คือการขยายออกของรังสี ที่เมื่อมาสัมผัสกันแล้วก็จะเชื่อมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนั้นการที่มีจุดกำเนิดรังสีเล็กๆจำนวนมากกระจายอยู่บนโลก แล้วค่อยๆขยาย ย่อมดีกว่าการที่รังสีขนาดใหญ่มหึมาเพียงก้อนเดียว เพราะการมีสิ่งเล็กน้อยจำนวนมาก แต่สามารถขยายได้นั้น จะเกิดผมเร็วกว่า เป็นเหมือนการจัดเตรียมทางเอาไว้ รอให้รังสีก้อนใหญ่มาทำงาน ในพระคัมภีร์มีเรื่องราวของทฤษฎีนี้อยู่เยอะพอสมควร เช่น การมีผู้เผยพระวจนะ ก่อนที่พระเยซูจะมา การมียอห์นมาเตรียมทางให้พระเยซู





 ภาพที่ 3 ภาพนี้อาจจะฟังดูเข้าใจยาก แต่เอาเป็นว่าผมจะเล่าให้เข้าใจง่ายๆหล่ะกัน ภาพนี้เป็นภาพของ ER (endoplasmic reticulum) เป็นออร์แกนเนล(สิ่งๆหนึ่งที่อยู่ในเซลล์) และไรโบโซม ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างโปรตีน ซึ่งก็จะมีไรโบโซม 2 แบบ คือแบบที่ลอยเป็นอิสระ กับแบบที่ติดอยู่กับ ER ไรโบโซมอิสระนั้นจะสร้างโปรตีนไว้ใช้ในเซลล์ตนเอง ขณะที่ไรโบโซมที่ติดกับ ER จะสร้างโปรตีนออกไปให้เซลล์อื่น ผมเปรียบเทียบ เซลล์คือเรา ER เหมือนพระเจ้า และไรโบโซมเป็นจิตใจของเรา ถ้าใจเราติดสนิทกับพระเจ้า(ไรโบโซมที่ติดอยู่กับ ER) สิ่งที่เราทำประโยชน์ให้แก่คนอื่น(โปรตีนที่ส่งไปให้เซลล์อื่น) แต่ถ้าจิตใจเราล่องลอยอิสระ ไม่ติดกับพระเจ้า สิ่งที่เราทำนั้นก็มีกจะทำเพื่อตนเอง เหมือนไรโบโซมอิสระที่ สร้างโปรตีนไว้ใช้แต่ในเซลล์ตนเอง





ภาพที่ 4 ภาพนี้วาดขึ้นตอนเรียนกับพี่มาร์ค เป็นภาพจาก เอเฟซัสบทที่ 3 ตอนที่อ่านเรื่องนี้ผมมองในมุมที่แคบมาก แต่พอได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากพี่มาร์ค ทำให้รู้ว่ายังมีกระบวนการอีกมากมายซ่อนอยู่ ภาพนี้จะบอกว่า การที่เปาโลถูกเลือกให้ไปประกาศกับคนต่างชาติ(คนที่ไม่ใช่อิสราเอล) นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มันเริ่มตั้งแต่การที่พระเจ้าเลือก ถ้าดูประวัติของเปาโลแล้วคิดไม่ออกเลยว่าคนๆนี้จะมาประกาศเรื่องราวของพระเยซูได้ยังไง เพราะเขาฆ่าคนที่เชื่อในพระเยซู ฯลฯ เมื่อผ่านการเลือกไป ยังมีเรื่องของการยอมออกจาก comfort zone เพราะแน่นอนว่าตอนที่เปาโลเป็นยิวเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงแน่นอน คงง่ายกว่ามั้ยถ้าเขาจะประกาศในอิสราเอล ที่ซึ่งตนเองมีอำนาจ แต่พระเจ้ากับใช้ให้ไปที่อื่น มันเห็นหลายอย่างจากตรงนี้ ว่าพระเจ้ามักใช้คนในแบบที่พระเจ้าเห็น ไม่ใช่ในแบบที่มนุษย์ทั่วไปเห็น 




ภาพที่ 5 ภาพนี้ก็ได้จากตอนเรียนกับพี่มาร์คเช่นกัน จากเอเฟซัสบทที่ 2 ภาพนี้อธิบายเรื่องราวหลายอย่าง เช่น พระเยซูเปรียบเสมือนเป็น second Adam  แต่แตกต่างตรงที่พระเยซูไม่เคยทำบาปเลย และอธิบายถึงการทรงช่วยให้รอด เปรียบเราเหมือนคนที่จมนำกำลังจะตาย นอนอยู่ก้นของทะเลแล้ว เราจะมีกำลังไปช่วยเหลือตนเองได้อย่างไร เราจมลงไปนั้นก็ด้วยความบาปของเราแล้วเราจะเอากำลังที่ไหนเพื่อจะล้างบาปของตนเองได้ เราทำไม่ได้จริงๆ พระเยซูเปรียบเสมือนห่วงยางที่มาช้อนเราไว้ แล้วนำเราลอยขึ้นไปข้างบน ให้เราพ้นจากความบาปที่เรากำลังจมอยู่ เป็นการช่วยด้วยพระคุณเพราะพระองค์ไม่เคยทำบาป แล้วจะมาช่วยคนบาปอย่างเราทำไม การที่เราได้มีโอกาสมีชีวิตใหม่อีกครั้งนั้นจึงเป็นเหมือนการรอดด้วยพระคุณ ไม่ใช่การทำเอง พระเยซูไม่ได้ให้เรามีชีวิตใหม่แล้วทำตัวเป็นคนบาปเหมือนเดิมพระองค์อยากให้เราเปลี่ยนตัวเองใหม่ ดำเนินชีวิตตามทางของพระองค์ผู้ทรงช่วยเรา จากเอเฟซัสบทที่ 2 พระเจ้าบอกว่า เรารอดเพื่อมาทำงานที่ดีของพระองค์ ที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้เรา และอย่าลืมว่าตัวตนเก่าของเราได้ตายไปแล้วที่ใต้ทะเลบาป ชีวิตเราตอนนี้ต้องอยู่เพื่อพระเยซูผู้มีพระคุณและให้โอกาสเราในการทำการดีอีกครั้ง

Leave a Reply